ทีวี 360 องศา พาออเจ้าทัวร์ด้วยใจตราแม่ครัว ครั้งที่ 2 ณ อยุธยา

ตอกย้ำ !! จิตวิญญาณความเป็นไทย สืบสานวัฒนธรรมไทยให้ยั่งยืน
“ทีวี 360 องศา พาออเจ้าทัวร์ด้วยใจตราแม่ครัว” ครั้งที่ 2 ณ อยุธยา

จากกระแสการตอบรับที่ดีมากๆของแฟนข่าวออเจ้าผู้โชคดีกับกิจกรรม “ทีวี 360 องศา พาออเจ้าทัวร์ด้วยใจตราแม่ครัว” เยือนเมืองละโว้ ในวันที่ 21 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา ออเจ้าทั้งหลายได้ร่วมกันสวมใส่ชุดไทย เพื่อไปศึกษาและเรียนรู้ในเส้นทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า ตามรอยละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” พร้อมมีเสียงเรียกร้องจากผู้สมัครที่พลาดโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมทที่ผ่านมา เราจึงขอจัดหนัก จัดเต็ม เอาใจออเจ้าทุกๆ ท่าน เพื่อตอกย้ำความสำเร็จในการร่วมสบสานวัฒนธรรมไทย โดยการเปิดโครงการ “ทีวี 360 องศา พาออเจ้าทัวร์ด้วยใจตราแม่ครัว” ครั้งที่ 2 เพราะการสืบสานวัฒนธรรมไทยให้รุ่งเรืองและยั่งยืนเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องร่วมมือกันเพื่อเดินหน้าสานต่อสู่การกระทำให้เป็นจริงในที่สุด

องค์กรพันธมิตร นำโดย ครอบครัวข่าว 3 คุณสำราญ ฉัตรโท รองกรรมการผู้จัดการ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 , คุณปราโมทย์ วุฑฒิสาร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด , คุณธนินวัฒน์ พัฒนวีรคุณ ประธานบริหารบริษัท 360 องศา เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด และ พิธีกรรายการ ทีวี360 องศา , ดร.วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส กรรมการผู้จัดการ บริษัท360 องศา เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด , คุณอัศวินต์ กาญจนวิสิษฐผล ที่ปรึกษาประธานกรรมการและผู้จัดการโรงงาน บริษัท จิ้วฮวด จำกัด และ บริษัท ตราแม่ครัว จำกัด , ว่าที่ร้อยตรีพิเชียน ลิมป์หวังอยู่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา , คุณสุกัญญา เบานิด ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสต์พระนครศรีอยุธยา , คุณวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา , คุณอิสสระพงษ์ แทนศิริ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพระนครศรีอยุธยา , คุณสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา , คุณปรีชา ขันธไพรศรี รองนายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา , คุณขนิษฐา คำจันทร์ วัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ องค์กรภาคีเครือข่าย คัดเลือกแฟนข่าวผู้โชคดีทั้งหมด 50 ท่าน นุ่งโจงห่มสไบเยือนแผ่นดินประวัติศาสตร์ “อยุธยาศรีรามเทพนคร” ศึกษาเส้นทางประวัติศาสตร์ และ ร่วมทำอาหารไทยที่หารับประทานได้ยากในปัจจุบัน เพื่อให้ทุกท่านร่วมซึมซับและซาบซึ้งถึงความเป็นไทย

แดดยามเช้าสาดส่องต้อนรับวันใหม่ บรรดาเหล่าแฟนข่าวผู้โชคดีทั้ง 50 ท่านเดินทางมาถึง ณ บริษัท 360 องศา เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด ด้วยความสดใส การลงทะเบียนเป็นไปด้วยความราบรื่น ระหว่างรอการเดินทางแฟนข่าวก็ทำการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างกันอย่างสนุกสนาน ผ่านการแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มเพื่อทำภารกิจต่างๆ

แฟนข่าวผู้โชคดีทั้ง 50 บริษัท 360 องศา แบ่งกลุ่ม1
แฟนข่าวผู้โชคดีทั้ง 50 บริษัท 360 องศา แบ่งกลุ่ม2
แฟนข่าวผู้โชคดีทั้ง 50 บริษัท 360 องศา แบ่งกลุ่ม3
แฟนข่าวผู้โชคดีทั้ง 50 บริษัท 360 องศา แบ่งกลุ่ม4

ทันทีที่คาราวานรถบัสพาเหล่าออเจ้ามาถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็ขอเริ่มต้นวันดีๆด้วยการกราบมนัสการพระประธาน ณ วัดใหญ่ชัยมงคล ก่อนเดินทางไปยังพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อประกอบพิธีบวงสรวงบูรพมหากษัตริย์และเหล่าวีรชนผู้กล้าในอดีต

รถบัส ไปวัดใหญ่ชัยมงคล ก่อนไป พระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช1

รถบัส ไปวัดใหญ่ชัยมงคล ก่อนไป พระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช2

รถบัส ไปวัดใหญ่ชัยมงคล ก่อนไป พระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช3

จากนั้นเดินทางไปยังอาคารกรรมฐานเพื่อร่วมทำบุญครั้งยิ่งใหญ่ ประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา ถวายเพลพระสงฆ์จำนวน 108 รูป ถวายสังฆทานและจตุปัจจัยไทยธรรม

ถวายเพลพระสงฆ์จำนวน 108 รูป1

ถวายเพลพระสงฆ์จำนวน 108 รูป2

ก่อนจะเดินทางปฏิบัติภารกิจต่อ แฟนข่าวทั้ง 50 คน ก็ได้ไปผลัดผ้านุ่งโจงห่มสไบกันก่อน เพื่อเดินทางข้ามเวลาศึกษาเส้นทางประวัติศาสตร์ โดยมีมัคคุเทศก์เยาวชนตัวน้อยคอยให้ความรู้แก่เหล่าแฟนข่าวเกี่ยวกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ตลอดเส้นทาง เริ่มต้นกันวัดไชยวัฒนาราม ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งก็ตั้งอยู่ริม แม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งตะวันตกของเกาะเมือง บนพื้นที่ 160 เมตรยาว 310 เมตร ที่สำคัญมีสถาปัตยกรรมการก่อสร้างไม่เหมือนวัดอื่นๆ ใน อยุธยา และเนื่องจากกรมศิลปากรได้ดำเนินการบูรณะตลอดมาทำให้ปัจจุบันนักท่องเที่ยวยังคงสามารถมองเห็นความสวยงามยิ่งใหญ่ตระการตา กล่าวได้ว่าวัดนี้ตั้งตรงกับทิศทางคตินิยมในการสร้างวัดที่ปฏิบัติเป็นประเพณีสืบกันมานอกจากนี้ยังสอดคล้องกับเหตุการณ์ในพุทธประวัติที่กล่าวว่า พระโพธิสัตว์ทรงประทับภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกสู่แม่น้ำเนรัญชรา ทรงบำเพ็ญสมาธิจนบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ พระพุทธรูปซึ่งเป็นหลักของวัด ก็สร้างแทนองค์ประพุทธเจ้าคือพระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ซึ่งเป็นปางที่แสดงเหตุการณ์ตอนพระพุทธองค์ตรัสรู้

เยาวชน3

เยาวชน1

เยาวชน2

ยังไม่หมดค่ะ เรายังมีอีกสถานที่ที่เป็นฉากสำคัญในละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” เลยก็ว่าได้ กับฉากที่ขุนหลวงนารายณ์รับพระราชสาสน์จากราชทูตฝรั่งเศส ณ วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดสำคัญที่สร้างอยู่ในพระราชวังหลวงเทียบได้กับวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งกรุงเทพมหานครหรือวัดมหาธาตุแห่งกรุงสุโขทัย ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสร้างพระราชมณเฑียรเป็นที่ประทับที่บริเวณนี้ ต่อมาสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงย้ายพระราชวังขึ้นไปทางเหนือและอุทิศที่ดินเดิมให้สร้างวัดขึ้นภายในเขตพระราชวังและโปรดเกล้าฯให้สร้างเขตพุทธาวาสขึ้น เพื่อเป็นที่สำหรับประกอบพิธีสำคัญต่างๆ จึงเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ต่อมาในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 โปรดเกล้าฯให้สร้างพระสถูปเจดีย์ใหญ่สององค์เมื่อ พ.ศ.2035 องค์แรกทางทิศตะวันออกเพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถพระราชบิดาและองค์ที่สองคือองค์กลางเพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 พระบรมเชษฐา ต่อมาในปี พ.ศ. 2042 ทรงสร้างพระวิหารขนาดใหญ่และในปี พ.ศ.2043 ทรงหล่อพระพุทธรูปยืนสูง 8 วา (16 เมตร) หุ้มด้วยทองคำหนัก 286 ชั่ง (ประมาณ 171 กิโลกรัม)ประดิษฐานไว้ในวิหาร พระนามว่า “พระศรีสรรเพชญดาญาณ” ซึ่งภายหลังเมื่อคราวเสียกรุง พ.ศ. 2310 พม่าได้เผาลอกทองคำไปหมด ในสมัยรัตนโกสินทร์พระบาท ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวิหารพระมงคลบพิตรในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

วัดพระศรีสรรเพชญ์1

วัดพระศรีสรรเพชญ์2

วัดพระศรีสรรเพชญ์3

วิหารพระมงคลบพิตร ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่มาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นพลังความเชื่อทางศาสนาที่ไม่อาจจะแยกออกได้จากอุดมคติในทางสังคมและการเมือง ทั้งเป็นประจักษ์พยานถึงความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับศาสตร์แห่งโลหะและความสามารถในการหล่อโลหะโดยเฉพาะสำริดซึ่งเป็นโลหะที่สำคัญที่สุดชนิดหนึ่งในสมัยอยุธยาด้วย ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปคุ้มขุนแผนวิหารพระมงคลบพิตรจะอยู่ถัดไปไม่ไกลนัก พระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปบุสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย มีขนาดหน้าตักกว้าง 9.55 เมตร และสูง12.45 เมตร นับเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทย

วิหารพระมงคลบพิตร1

วิหารพระมงคลบพิตร2

วัดมหาธาตุ เป็นปรางค์ที่สร้างในระยะแรกของสมัยอยุธยาซึ่งได้รับอิทธิพลของปรางค์ขอมปนอยู่ ชั้นล่างก่อสร้างด้วยศิลาแลงแต่ที่เสริมใหม่ตอนบนเป็นอิฐถือปูน สมเด็จพระเจ้าปราสาททองได้ทรงปฏิสังขรณ์พระปรางค์ใหม่โดยเสริมให้สูงกว่าเดิม แต่ขณะนี้ยอดพังลงมาเหลือเพียงชั้นมุขเท่านั้น จึงเป็นที่น่าเสียดายเพราะมีหลักฐานว่าเป็นปรางค์ที่มีขนาดใหญ่มากและก่อสร้างอย่างวิจิตรสวยงามมากเมื่อ พ.ศ. 2499 กรมศิลปากรได้ขุดแต่งพระปรางค์แห่งนี้ พบของโบราณหลายชิ้นที่สำคัญ คือ ผอบศิลา ภายในมีสถูปซ้อนกัน 7 ชั้น แบ่งออกเป็น ชิน เงิน นากไม้ดำ ไม้จันทร์แดง แก้วโกเมน และทองคำ ชั้นในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเครื่องประดับอันมีค่า ปัจจุบันพระบรมสารีริกธาตุนำไปประดิษฐานไว้ที่พิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา สิ่งที่น่าสนใจในวัดอีกอย่างคือ เศียรพระพุทธรูปหินทราย ซึ่งมีรากไม้ปกคลุมเข้าใจว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ในสมัยเสียกรุงจนรากไม้ขึ้นปกคลุมมีความงดงามแปลกตาไปอีกแบบ ตั้งอยู่เชิงสะพานป่าถ่านทางทิศตะวันออกของวัดพระศรีสรรเพชญ์ พงศาวดารบางฉบับกล่าวว่าวัดนี้สร้างในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ต่อมาสมเด็จพระราเมศวรโปรดเกล้าฯให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ใต้ฐานพระปรางค์ประธานของวัดเมื่อ พ.ศ.1927

วัดมหาธาตุ1

วัดมหาธาตุ2

วัดมหาธาตุ3

วัดราชบูรณะ ปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดารว่า สร้างขึ้นในแผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือ เจ้าสามพระยา ในปีพ.ศ.1967 คือภายหลังจากสมเด็จพระนครินทราธิราชาสวรรคตพระราชโอรสองค์ใหญ่สองพระองค์ คือเจ้าอ้ายพระยา ทรงครองเมืองสุพรรณบุรีและเจ้ายี่พระยาทรงครองเมืองสรรค์บุรี สองพระองค์เสด็จลงมาชิงพระราชสมบัติกันเองต่างทรงช้างเคลื่อนผลมาปะทะกัน ทรงพระแสงของ้าวต้องพระศอขาดพร้อมกันเจ้าสามพระยาทรงเป็นโอรสองค์ที่สาม เสด็จลงมาจากชัยนาทมาถึงภายหลัง จึงได้เสวยราชสมบัติทรงพระนามว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2

วัดราชบูรณะ1

วัดราชบูรณะ2

วัดราชบูรณะ3

แม้สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงนั้นทำให้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก จนทำให้กิจกรรมต้องชะงักลงชั่วคราว แต่ทันทีที่ฝนซาและท้องฟ้าเปิด เหล่าแฟนข่าวก็ได้รวมตัวกันเดินทางไปยังตลาดกรุงศรีเพื่อร่วมพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ของโครงการ “ ทีวี 360 องศา พาออเจ้าทัวร์ด้วยใจตราแม่ครัว ตามรอยละครบุพเพสันนิวาส และ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว เยือนแดนอยุธยา” โดยได้รับเกียรติจาก ว่าที่ร้อยตรีพิเชียน ลิมป์หวังอยู่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวเปิดงาน

เปิดเวทีแสงสีเสียงด้วยการแสดงสุดพิเศษชุด “ย้อนรอยประวัติศาสตร์ 3 แผ่นดิน” จากคณะกองโจรพระองค์ดำ ที่แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ความเป็นจริงอันยากลำบากในการปกป้องความเป็นไทยให้เป็นไทยจนถึงทุกวันนี้

ย้อนรอยประวัติศาสตร์ 3 แผ่นดิน1

ย้อนรอยประวัติศาสตร์ 3 แผ่นดิน2

เพลิดเพลินไปกับความรู้อย่างเต็มเปี่ยมกับการร่วมฟังเสวนาในหัวข้อ “สืบสานวัฒนธรรมไทยให้รุ่งเรือง” โดย ดร.วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส กรรมการผู้จัดการบริษัท 360 องศา เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด , คุณปัทพงศ์ ชื่นบุญ นักวิชาการประวัติศาสตร์อยุธยา สถาบันอยุธยาศึกษา และ อาจารย์ จรัสสินี สุวีรานนท์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ สาขาคหกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย

สืบสานวัฒนธรรมไทยให้รุ่งเรือง

“ปอพูดด้วยความภาคภูมิใจเพราะปอได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวข่าว 3 ด้วยจิตวิญญาณข้างใน ที่เราทำงานข่าวมา 20 กว่าปี แล้วได้มีโอกาสต่อยอด ไม่ใช่อยู่แค่หน้าจอโทรทัศน์ แต่เราสามารถทำงานร่วมกับภาคประชาชนได้ ครอบครัวข่าว 3 ไม่หยุดยั้ง จ.พระนครศรีอยุธยา จะเป็น Pilot Project นำร่องให้เราได้เห็นตัวอย่าง แต่เรามีสถานที่ประวัติศาสตร์ทั่วประเทศ ที่ลูกหลานไทยต้องรู้ถึงคุณค่าและรากเหง้าของเรา เพื่อให้คนไทยทุกคนร่วมสืบสานวัฒนธรรมไทยให้รุ่งเรืองอย่างที่พวกเราตั้งใจ” ดร.วีรินทร์ทิรา กล่าว.

“ตัวของผมเองในฐานะที่ทำงานด้านวิชาการทางด้านนี้มา ก็มองเห็นว่ามันอยู่ใกล้ตัวเราทั้งหมด ไม่ยากเลยครับ มันเป็นปัจจัย 4 ทั้งนั้นเครื่องแต่งกาย อาหาร ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย หรือแม้กระทั่งใกล้ตัวเรามาอีกนิดก็คือ การใช้คำพูด หรือ ภาษาพูด ทุกวันนี้เราจะสังเกตว่า น้องๆที่เป็นคนรุ่นใหม่นั้น เวลาใช้ภาษาโดยเฉพาะในโลกโซเชียล มันห่างออกจากความเป็นไทยไปเยอะพอสมควร และบางคำเราก็หลงลืมกันอย่างเช่นคำว่า “ออเจ้า” จริงๆมันมีการบันทึกมานานแล้วตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ต้องขอบคุณช่อง 3 ที่สร้างละครเรื่องนี้ขึ้นมา ให้ความสนุกด้วย และให้ความรู้กับเยาวชนรุ่นใหม่ๆด้วย ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนหน้าวัฒนธรรมของอยุธยาในยุคปัจจุบันให้กับไปสู่อดีตอีกครั้ง ” คุณปัทพงศ์ กล่าว.

“เราเป็นเพียงจุดเล็กๆเพียงส่วนหนึ่งที่จะสามารถดำรงอยู่ในเรื่องของอาหารไทย หรือ ขนมไทยให้ยังคงอยู่ อย่างน้อยๆในหน้าที่ของตัวเราเองก็ได้ทำในส่วนของการอธิบาย การสอนนักศึกษาให้เขารู้จักอาหารไทยโบราณ รู้จักขนมไทยที่มีที่มาที่ไปว่าจริงๆแล้วมันมาจากไหน ซึ่งบางครั้งด้วยเวลาที่มันผ่านไปเราอาจจะลืมเลือนไป แต่อย่างน้อยๆก็จะมีกลุ่มเล็กๆที่ยังคงอนุรักษ์ในเรื่องอาหารไทย ขนมไทย ให้สืบสานต่อไป แล้วจริงๆต้องขอขอบคุณช่อง 3 และผู้บริหารตราแม่ครัวที่จัดกิจกรรมนี้ขึ้น เพราะอย่างน้อยๆ ตัวนักศึกษาเองจะได้มีโอกาสสัมผัสอาหาร หรือ ขนมที่เขาเองยังไม่รู้จัก ซึ่งอยากขอบคุณจริงๆ เพราะนักศึกษาเองจะได้รู้จัก และ ได้ต่อยอดในเรื่องของอาหาร และ ขนมต่างๆต่อไปเรื่อยๆ อย่าง “ล่าเตียง” ก็จะอยู่ในบทพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 2 ก็เป็นวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมาเรื่อยๆ ซึ่งจริงๆแล้วเป็นอาหารที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนต้นรัตนโกสินธ์ในพิธีสมโภชตอนต้นรัชกาล” อาจารย์ จรัสสินี กล่าว

ต่อด้วยกิจกรรม Highlight นั่นก็คือ มหกรรมตำรับอาหารไทยแห่งสยาม ช้อป ชม ชิม อาหารไทยโบราณหลากหลายเมนูทั้งคาวหวาน รวมถึงชมการสอนทำผัดไทยโบราณแสนอร่อย และอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญอย่างการแข่งขันทำอาหารไทยโบราณ 2 เมนูทั้ง หมูสร่ง และ ล่าเตียง อาหารไทยโบราณสุดปราณีตแสนอร่อยที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน ด้วยฝีมือการทำจากแฟนข่าวทั้ง 5 สี ร่วมกับนักแสดงจากละครดังของช่อง 3 อย่าง “บุพเพสันนิวาส” และ “หนึ่งด้าวฟ้าเดียว” ที่ร่วมกันทำอาหารทั้ง 2 เมนูอย่างสนุกสนาน เหล่าแฟนข่าวแฟนคลับได้ร่วม Meet & Greet เหล่านักแสดงแบบ Exclusive ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม

มหกรรมตำรับอาหารไทยแห่งสยาม ช้อป ชม ชิม1

มหกรรมตำรับอาหารไทยแห่งสยาม ช้อป ชม ชิม2

มหกรรมตำรับอาหารไทยแห่งสยาม ช้อป ชม ชิม3

มหกรรมตำรับอาหารไทยแห่งสยาม ช้อป ชม ชิม4

เพิ่มความประทับใจด้วยการรับฟังบทเพลงเทิดพระเกียรติสุดไพเราะ บรรเลงโดยวงดุริยางค์กองทัพอากาศ บทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวร มหาราช ขับร้องโดย คุณธนินวัฒน์ พัฒนวีรคุณ ,บทเพลงพระสุพรรณกัลยา ขับร้องโดย ดร.วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส , ลำนำเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเอกทศรถ ขับร้องโดย คุณวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัมน์ นายก อบต.บ้านใหม่ และปิดท้ายโครงการฯด้วยบทเพลงความฝันอันสูงสุด ขับร้องโดย นักร้องจากวงดุริยางค์ทหารอากาศ พร้อมด้วยเหล่าศิลปินดารา ผู้บริหาร และแฟนข่าวทั้ง 50 ท่าน

บทเพลงเทิดพระเกียรติสุดไพเราะ1.

บทเพลงเทิดพระเกียรติสุดไพเราะ2

บทเพลงเทิดพระเกียรติสุดไพเราะ3

หลังจากที่บรรดาแฟนข่าวทั้ง 50 ท่านได้ลุยกับกิจกรรมเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์สุดสนุกมาตลอดทั้งวันจนเหนื่อยล้าแล้ว ก็สมควรแก่เวลาที่จะได้พักเติมพลังกับมื้อค่ำแสนอร่อย กับร้านอาหาร “เรือนไทยสยาม” ร้านอาหารดังในจังหวัดพระนครศรีอยุธา ที่มีร้านเป็นบ้านทรงไทยให้บรรยากาศย้อนยุค พร้อมด้วยเมนูอาหารแสนอร่อย ก่อนจะตีตั๋วเดินทางกลับมายัง บริษัท 360 องศา เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด โดยสวัสดิภาพ

สำหรับกิจกรรมสืบสานวัฒนธรรมไทยดีๆ แบบนี้จะถูกจัดขึ้นเรื่อยๆในอนาคตอย่างแน่นอน ซึ่งครั้งหน้าจะเป็นกิจกรรมอะไร จัดขึ้นที่ไหน และ กติกาการร่วมสนุกเป็นอย่างไร สามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ Facebook : TV360องศา หรือ YouTube Chanel : สถานีรักโลก และ www.tv360ch3.com นะครับ

เรียกน้ำย่อย บรรยากาศโบราณสถาน ตามรอยออเจ้า @อยุธยา

Total Views: 25 ,